



โคบอทส์ (Cobots) ย่อมาจากคำว่า Collaborative Robot ซึ่งหมายถึง หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน หรือ หุ่นยนต์เพื่อนร่วมงาน ถูกออกแบบให้ทำหน้าที่ปฏิบัติงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยโดยปราศจากเครื่องกั้น
คำว่า Cobots ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกในปี 1996 โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีการจำแนกประเภทอย่างชัดเจนในอีก 10 ปีต่อมา แต่หากอ้างอิงจากนิยามที่ว่า “ปฏิบัติงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย” แล้ว ก็พูดได้ว่าโคบอทส์ได้ถูกใช้งานมาแล้วกว่า 2 ทศวรรษ
โดย Cobots มีแรงยกที่น้อยกว่าหุ่นยนต์ทั่วไป ทำงานได้ช้ากว่า หยิบจับชิ้นงานที่มีน้ำหนักมากไม่ได้ และมีแรงจำกัดเพียง 15 นิวตัน แต่ทั้งหมดนี้เป็นการออกแบบขึ้นเพื่อความปลอดภัยทั้งสิ้น
ปัจจุบัน ความคืบหน้าของเทคโนโลยีเซนเซอร์, AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์, และ วิชันซิสเต็ม ทำให้โคบอทส์มีราคาถูกลงกว่าเมื่อหลายปีก่อน ใช้พื้นที่น้อยลง และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น จึงคาดการณ์ว่า ตลาดจะมีมูลค่าสูงขึ้นไปแตะ 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2027 ซึ่งเติบโตอย่างมากหากเทียบกับปี 2019 ที่มีมูลค่าตลาดเพียง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
ปัจจัยหลักที่ทำให้โคบอทส์มีแนวโน้มการเติบโตสูงมาจากราคา ซึ่งถูกกว่าหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทั่วไปและมีแนวโน้มที่ราคาจะถูกลงไปอีก โคบอทจึงเหมาะกับการลงทุนของ SMEs
นอกจากนี้ โคบอทยังใช้งานง่าย จึงทำให้บริษัทที่ไม่มีวิศวกรเฉพาะด้านสามารถเริ่มต้นใช้งานหุ่นยนต์ในโรงงานได้ง่ายขึ้น ช่วยลดดาวน์ไทม์ในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคตที่เทคโนโลยี Edge Computing จะคืบหน้า จะช่วยให้โคบอทส์ทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำ และยืดหยุ่นกว่าที่ผ่านมา
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโคบอท
- โคบอทส์มีไว้ใช้ปฏิบัติงานร่วมกับมนุษย์ แต่ “ไม่จำเป็น” ต้องใช้คู่กับมนุษย์ สามารถนำมาใช้งานในฐานะหุ่นยนต์อุตสาหกรรมขนาดเล็กโดยไม่ต้องคำนึงเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน สามารถทำงานโดยปราศจากรั้วกั้นได้
- โคบอทส์ไม่เหมาะสำหรับการหยิบจับชิ้นงานที่มีน้ำหนักมาก และไม่เหมาะสำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ อีกทั้งความแม่นยำไม่เทียบเท่าหุ่นยนต์อุตสาหกรรม จึงไม่เหมาะกับงาน Precision และงาน high-volume mass production
- โคบอทส์เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงการประกอบ การขันสกรู การบรรจุหีบห่อ และการจัดเรียงพาเลท
- โคบอททั่วไปถูกออกแบบให้หยิบจับชิ้นงานน้ำหนักไม่เกิน 35 กิโลกรัม