สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของการผลิต คือ การใช้โซลูชันที่สร้างสรรค์และคล่องตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตที่ยืดหยุ่น โดยใช้ระบบการตัดชิ้นงานด้วยหุ่นยนต์รับมือกับความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ในการผลิตและประกอบชิ้นงานที่มีรูปทรงพิเศษ ซับซ้อน หรือมีขนาดใหญ่มาก ๆ ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นจะต้องถูกตัดแล้วต่อเข้าด้วยกันอย่างถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว และปลอดภัยที่สุด ซึ่งในการผลิตแบบเดิมพบว่าชิ้นส่วนประกอบมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับโต๊ะวางชิ้นงานเครื่อง 5 แกน (5-Axis) อาจต้องใช้การตัดด้วยเครื่อง CNC แบบ Gantry หรือ กัดชิ้นงานแบบแมนนวล
ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการตัดแบบเดิม
กระบวนการตัดด้วยเครื่อง CNC Gantry แม้จะให้ความแม่นยำสูง แต่เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พื้นที่ในการทำงาน การวางตำแหน่งถูก จำกัด ชิ้นส่วนประกอบอาจถูกเศษฝุ่นกัดกร่อนจากการกัดงานต่อเนื่องได้โดยเฉพาะวัสดุอะคริลิค โฟม และโลหะอ่อน
กระบวนการตัดด้วยมือ แม้จะมีความยืดหยุ่นสูง แต่ก็อาจไม่ตอบโจทย์ในแง่ของความแม่นยำ ผู้ปฏิบัติงานยังต้องสวมอุปกรณ์เซฟตี้ ทั้งหน้ากาก นิรภัยและเสื้อนิรภัยคุณภาพสูง มิเช่นนั้น อาจสัมผัสกับเศษฝุ่นุ่ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
Robot Machining ระบบการตัดชิ้นงานด้วยหุ่นยนต์อุตสาหกรรม โซลูชันเพื่อการผลิต ที่มาช่วยแก้ปัญหา ต่างๆ ในกระบวนการตัดแบบเดิมได้อย่างง่ายดายและคุ้มค่า
Robot Machining ระบบการตัดชิ้นงานด้วยหุ่นยนต์อุตสาหกรรม โซลูชันเพื่อการผลิต ที่มาช่วยแก้ปัญหา ต่างๆ ในกระบวนการตัดแบบเดิมได้อย่างง่ายดายและคุ้มค่า
ด้านต้นทุน
ชุดหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่มาพร้อมเครื่องมือ หรือ อุปกรณ์ปลายแขนหุ่นยนต์ (End-effectors) ซอฟต์แวร์และการฝึกอบรม มักจะมีราคาต่ำกว่า เมื่อเทียบกับเครื่อง CNC Gantry และซอฟต์แวร์
ด้านการผลิต
หุ่นยนต์สามารถตัดชิ้นงานได้อย่างแม่นยำ คุณภาพสูง และเมื่อติดตั้งเข้ากับล้อสายพาน หุ่นยนต์จะสามารถเคลื่อนไปตามชิ้นงานได้ ให้ความ ยืดหยุ่นในการทำงานกับชิ้นงานขนาดใหญ่สามารถตัดชิ้นงานในตำแหน่งและมุมต่าง ๆ ได้อย่างไม่จำกัด ทำให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ ซับซ้อน เพิ่มรูปแบบที่แปลกใหม่ให้กับชิ้นงานได้ตามต้องการ
อีกทั้งหุ่นยนต์ยังทนต่อสภาพแวดลอมเสี่ยงอันตรายได้ดีกว่า เช่น ก๊าซ ฝุ่นละออง ควัน ไอน้ํา และสารเคมี ทำงานภายในรั้วกั้น หรือ ภายในระบบ ปิด เพื่อความปลอดภัยในการผลิตแบบต่อเนื่องและการผลิตแบบเซลลูล่าร์
ระบบ Robot Machining จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความเร็ว ความสามารถในการดัดแปลงความแม่นยำที่ดี แม้ไม่ถึงระดับไมครอนแต่ Robot Machining ก็ยังคงครอบคลุมความต้องการในอุตสาหกรรมจำนวนมาก และบ่อยครั้งที่งานถูกผลิตออกมาได้คุณภาพดีเกินความคาดหมาย
การผลิตที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการรวม Software และ Hardware เข้าด้วยกัน
ในปัจจุบันมีการปรับโปรแกรม (Software) เดิมที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับเครื่อง CNC ให้เข้ากับวิทยาการหุ่นยนต์เพื่อก้าวไปให้ไกลกว่าแค่เครื่องมือตัด เฉือน และรวมเครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ (Hardware) เข้ามาช่วยในการทำงาน
ตัวอย่างเช่น การนำหัววัด (Probe) และซอฟต์แวร์สำหรับการวัดเข้ามารวมกับหุ่นยนต์อุตสาหกรรม เพื่อตรวจสอบรูปทรงและวัดขนาดส่วนที่ถูกตัด ออกไปได้
ทำให้ระบบ Robot Machining ใช้งานได้อย่างคล่องตัว เกิดโซลูชันการผลิตแบบองค์รวมที่ตอบโจทย์งานในอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น
กระบวนการผลิตที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้มากขึ้น
หุ่นยนต์ทำให้การดำเนินงานให้ง่ายขึ้น แทนที่จะใช้พลังงานจำนวนมากในการเคลื่อนย้ายชิ้นงานขนาดใหญ่ไปยังตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อดำเนินการผลิต แบบเดิม สามารถดัดแปลงวิธีเพียงแค่ย้ายคำสั่งการผลิตแบบดิจิทัลทั้งหมด ไปให้ยังตำแหน่งของชิ้นงาน ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายชิ้นงานให้ยุ่งยาก อีกต่อไป
เมื่อมีโครงการใหม่ที่ต่างออกไปจากเดิม ความเก่งกาจของซอฟต์แวร์ที่ใช้กับหุ่นยนต์และระบบติดตามที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้โรงงานสามารถกำหนด ค่าการผลิตใหม่ได้อย่างง่ายดาย
สามารถใช้ CAM Software เพื่อกำหนดลำดับขั้นตอนการใช้เครื่องมือตัดหรือมีดตัดในการผลิต และในบางกรณีอาจรวมเข้ากับซอฟต์แวร์อื่น ๆ เช่น SprutCAM, RoboDK เป็นต้น เพื่อแปลง CAM Code มาเป็นการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ได้
Agile Manufacturing อนาคตของการผลิต
ด้วยการดำเนินงานที่คล่องตัว รวดเร็ว ยืดหยุ่นได้แบบ Agile Manufacturing และคุณภาพของ ระบบการตัดชิ้นงานด้วยหุ่นยนต์อุตสาหกรรมนี้ ดึงดูดให้ผู้ประกอบการเริ่มปรับเปลี่ยนมาใช้ Robot Machining เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ดังที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า แนวทางการผลิตแบบ Agile Manufacturing ไม่ใช่แค่ Hardwear สำเร็จรูป แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโซลูชันการแก้ปัญหา การผลิต
ขอบคุณที่มา : บริษัทสุมิพล