จากการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างรวดเร็วในช่วง 2 ปีมานี้ ทำให้สภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรมการผลิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและมีอิทธิพลต่อภูมิทัศน์ในภาคการผลิตแห่งอนาคต
โดย International Data Corporation (IDC) ได้เผยแพร่การคาดการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรมผลิต ฉบับปี 2022 ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก *ไม่รวมญี่ปุ่น* ซึ่งระบุถึงการคาดการณ์ 10 อันดับแรกสำหรับระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนด้วยการทำงานร่วมกันผ่านการทำงานระยะไกลตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป และการลงทุนด้านไอทีที่สนับสนุนการทำงานอัตโนมัติและการผลิตที่ถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
นาย Sampath Kumar Venkataswamy ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัย แผนก Manufacturing Insights แสดงความเห็นว่า ธุรกิจในอุตสาหกรรมการผลิตตระหนักถึงความสำคัญของ Digital Tranformation มากยิ่งขึ้น ตอบรับกับการดิสรัปที่เกิดขึ้นโดยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์ เพื่อลดความเสี่ยงขององค์กรไปจนถึงการลงทุนด้านดิจิทัล ซึ่งทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในยุคที่ต้องการความรวดเร็ว
การคาดการณ์ 10 อันดับแรกด้านการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) ของ IDC ให้คำแนะนำแก่ผู้นำธุรกิจเกี่ยวกับแนวโน้มด้านเทคโนโลยีและการลงทุนที่จำเป็น เพื่อสร้างองค์กรที่คล่องตัว ประสานการทำงาน และมีความยืดหยุ่น ดังนี้
อันดับ 1 : กระบวนการผลิตที่ทำงานได้จากทุกที่
ภายในปี 2024 บริษัท 33% ในระดับ A2000 ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จะพัฒนากระบวนการทำงานใหม่ทั้งหมดในรูปแบบ Remote-First ซึ่งก็คือการทำงานจากที่ไหนก็ได้
อันดับ 2 : การพยากรณ์ด้วยปัญญาประดิษฐ์
ภายในปี 2024 การคาดการณ์ซัพพลายเชนในภูมิภาคนี้ 40% จะเป็นแบบอัตโนมัติผ่านการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแม่นยำขึ้น 5%
อันดับ 3 : ข้อเสนอการให้บริการ
ภายในปี 2024 ครึ่งหนึ่งของบริษัทรับจ้างผลิตแบบ OEM ระดับ A2000 จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านงานบริการที่ยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมให้ได้เกินกว่า 90% ขึ้นไป และเพิ่มอัตรากำไรในงานบริการ 5%
อันดับ 4 : Vision จะเป็นเซนเซอร์ที่สำคัญ
ภายในปี 2027 ธุรกิจในอุตสาหกรรมการผลิต 25% ของเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น จะใช้การวิเคราะห์ด้วยภาพในการทำงานเพื่อมุ่งเน้นด้านประสิทธิภาพ เสริมสร้างประสบการณ์ และความปลอดภัย ซึ่งจะก้าวไปไกลมากกว่าแค่การใช้เเพื่อตรวจสอบคุณภาพและงานรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน
อันดับ 5 : ระบบนิเวศข้อมูล
ภายในปี 2025 ผู้ผลิตในเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่นจำนวน 25% จะมีการการแบ่งปันข้อมูลในระบบนิเวศของตัวเอง (คู่ค้า ลูกค้า ซัพพลายเออร์) ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่า OEE (Overall Equipment Effectiveness) ของโรงงานขึ้นราว 10%
อันดับ 6 : การขายบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในรูปแบบ B2B
ภายในปี 2024 ธุรกิจการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่นจำนวน 60% จะลงทุนในการขายแบบ B2B บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขายและการตลาดได้ 15%
อันดับ 7: ระบบนิเวศของแอปพลิเคชัน
ภายในปี 2024 ธุรกิจในอุตสาหกรรมการผลิต 60% ของเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่นจะมีการใช้งานแอปพลิเคชันร่วมกับพาร์ทเนอร์ในระบบนิเวศของตัวเอง เพื่อปรับปรุงการมองเห็นและประสิทธิภาพการดำเนินงาน และรับรองความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัย และคุณภาพ
อันดับ 8 : แพลตฟอร์ม Low-code
ภายในปี 2026 กว่า 40% ของธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่นจะใช้แพลตฟอร์ม low-code พัฒนาแอปพลิเคชันของตัวเองเพื่อเชื่อมต่อการผลิต และลดการติดตั้งโปรแกรมลง 33%
” SprutCAM ซอฟต์แวร์ CAD-CAM และ Robot Simulation ที่ช่วยคุณลดต้นทุกได้มากกว่า Click “
อันดับ 9 : การรวมระบบผ่าน API
ภายในปี 2023 ผู้ผลิตในระดับ A2000 จำนวน 40% จะใช้กลยุทธ์การรวมระบบด้วย API (Application Programming Interface) เพื่อเชื่อมโยงแอปพลิเคชันต่าง ๆ ให้เป็นแพลตฟอร์มเดียว เพื่อปรับปรุงความคล่องตัวและการมองเห็นทั่วทั้งองค์กร
อันดับ 10 : เทคโนโลยีตรวจสอบย้อนกลับ
ภายในปี 2025 ผู้ผลิตในระดับ A2000 จำนวน 40% จะใช้เทคโนโลยีตรวจสอบย้อนกลับในการลดความเสี่ยงและเพิ่มความโปร่งใส เพื่อตอบสนองต่อความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม
ขอบคุณที่มา : MReport